คนวัยหนุ่มสาวหลังจากเรียนจบเริ่มต้นทำงานก็มีแนวทางคล้ายๆกัน
ทำงาน ใช้จ่าย เพิ่มรายได้ พยายามจะตั้งตัว มีกิจการ ลงทุน สร้างความมั่งคั่ง ฯลฯ
กระบวนการที่สำคัญอย่างหนึ่งคือ การตั้งเป้าหมาย กล่าวเจาะจงกว่านั้นคือการเขียนเป้าหมายลงเป็นลายลักษณ์อักษร
ถ้ามีการเขียนเป้าหมาย ผลลัพธ์ออกได้ 2 แบบ
1)บรรลุได้ตามเป้าหมาย
2)ไม่บรรลุตามเป้าหมาย
ซึ่งก็เป็นเรื่องที่รู้กันดีอยู่แล้ว แต่จุดที่จะชี้ให้เห็นในวันนี้คือถ้าไม่มีการเขียนเป้าหมาย สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นได้คือ
มีโอกาสแล้วแต่ไม่บรรลุเป้าหมาย
ยกตัวอย่างเช่น เราอาจคิดๆเอาไว้ว่าจะมีธุรกิจของตัวเอง ซึ่งก็ไม่ได้เขียนเอาไว้ว่าจะเริ่มตอนอายุเท่าไรและใช้ทุนเท่าไร ก็ทำงานๆเก็บเงินไปก่อนซึ่งคิดว่าต้องใช้เวลาหลายปี
ปรากฎว่ามีปีหนึ่งขณะทำงานเก็บเงินอยู่นั้นได้โบนัสก้อนใหญ่มากๆ ซึ่งจริงๆอาจใช้เริ่มต้นธุรกิจได้ แต่พอดีไม่ได้เขียนเป้าหมายอย่างเจาะจงเอาไว้ เงินโบนัสก็อาจจะถูกนำไปทำอย่างอื่น
เช่น เที่ยวต่างประเทศ ลงทุนในหุ้นเก็งกำไร แต่งรถ ฯลฯ แล้วเมื่อเวลาผ่านไปก็พบว่าเสียโอกาสการเริ่มต้นธุรกิจไปแล้ว
ซึ่งถ้าลองไปถามหลายๆคนจะมีประสบการณ์เสียดายๆเหล่านี้แตกต่างกันออกไป
แต่ถ้าสมมติเราได้เขียนเอาไว้ เมื่อโอกาสมาถึง เราก็จะทำทันที หรือถ้ายังไม่ถึงเป้าหมาย เราก็จะไม่ดันทุรังทำเช่นกัน แถมยังนำมาทบทวนได้อีกด้วย
การเขียนเป็นลายลักษณ์อักษรช่วยให้เรามีโฟกัสและแนวทางปฏิบัติโดยไม่ถูกกระทบจากอารมณ์หรือสิ่งแวดล้อมรอบข้าง
และพระเจ้าตรัสตอบข้าพเจ้าว่า “จงเขียนนิมิตนั้นลงไป จงเขียนไว้บนแผ่นป้ายให้กระจ่าง เพื่อให้คนที่วิ่งอ่านได้คล่อง เพราะว่านิมิตนั้นยังรอเวลาของมันอยู่ มันกำลังรีบไปถึงความสำเร็จ มันไม่มุสา ถ้าดูช้าไป ก็จงคอยสักหน่อย มันจะบังเกิดขึ้นเป็นแน่ คงไม่ล่าช้านัก
ฮาบากุก 2:2-3 TH1971